[Review]Home front สงครามสีเลือดทหารเดือดกู้ชาติ
2 posters
หน้า 1 จาก 1
[Review]Home front สงครามสีเลือดทหารเดือดกู้ชาติ
Homefront
Developer: Kaos Studio
Publisher: THQ
Genre: FPS/Shooter/Action
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องเริ่มต้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อคิม จอง อึน ขึ้นปกครองเกาหลีเหนือ และได้สร้างสัมพันธ์กับเกาหลีใต้จนรวมกันกลายเป็นสหพันธรัฐเกาหลีอันยิ่งใหญ่ ประกอบกับสภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างถึงที่สุดของสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศอ่อนแอในทุกๆ ด้าน ประชาชนเริ่มก่อจลาจลและศักยภาพทางทหารได้ถดถอยลงไป และในปีค.ศ.2025 เกาหลีได้ส่งกระสวยอวกาศที่อ้างว่าจะนำสันติภาพมาสู่คนทั้งโลก แต่กลับกลายเป็นการยิง EMP เข้าใส่สหรัฐอเมริกาจนทำให้ไฟดับทั้งหมด จนกลายเป็นเป้านิ่งให้ KPA หรือกองทัพสหพันธรัฐเกาหลียกทัพมาบุกยึดในหลายพื้นที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นอดีตนักบินนาวิกโยธิน Robert Jacobs ที่เข้าร่วมขบวนการต่อต้านเกาหลีหรือ The Resistance ที่รวมตัวกันอย่างลับๆ เพื่อต่อสู้และทวงคืนพื้นที่ที่พวกเค้าเรียกว่า “บ้าน” ซึ่งถูกเกาหลียึดไว้ พร้อมทั้งช่วยเหลือประชาชนชาติเดียวกันที่ถูกเข่นฆ่าอย่างโหด Jacobs และพรรคพวกจึงต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลืออยู่เพื่อนำอิสรภาพกลับมาสู่ผืนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาให้ได้
ฉากทั้งหมดในเกมจะเกิดขึ้นในเมืองฝั่งตะวันตกของอเมริกา และสถานที่ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะต้องต่อสู้กับกองทัพเกาหลีก็คือในสวนหลังบ้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ต สนามเบสบอล ฯลฯ ซึ่งก็นับว่าเป็นการฉีกแนวเดิมๆ ที่เกม FPS สงครามส่วนใหญ่มักจะใช้สถานที่จำเจในการสร้างฉากต่อสู้ นี่คือจุดเด่นข้อหนึ่งของ Homefront ที่ทำให้ชาวอเมริกันหลายคนอยากเล่นเกมนี้ เพราะพวกเขาอยากต่อสู้กองทัพที่มารุกรานหลังบ้านของพวกเขาเอง ฉากบางฉากก็เป็นที่น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ต่อสู้กันบนสะพานโกลเด้นเกทก็ดูสวยงามมากๆ แต่การออกแบบฉากที่ดูจะมีอะไรให้ทำมากมายแบบนี้นั้นขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับแคมเปญจน์ที่มีเพียงเจ็ดฉากเท่านั้น
เมื่อมองมาที่รายละเอียดของเนื้อเรื่อง หลายคนก็มองว่ามันซ้ำซากจำเจเหมือนกับหลายๆ เกมที่ผ่านมา เพียงแต่อาจเปลี่ยนจากรัสเซียที่เสื่อมอำนาจลงมาเป็นเกาหลีที่เพิ่มอำนาจขึ้นเรื่อยๆ บทสนทนาของตัวละครไม่มีอะไรที่น่าจดจำมากเท่าไหร่ การให้เสียงพากษ์ก็ดูไร้อารมณ์ร่วมและขาดๆ เกินๆ ในบางตอน เกมพยายามสร้างจุดไคลแมกซ์ให้ผู้เล่นตื่นเต้นเช่นเดียวกับ Modern Warfare ที่เคยประสบความสำเร็จในด้านนี้ แต่ Homefront ทำออกมาได้อย่างน่าผิดหวัง ผู้เล่นสามารถเดาเนื้อเรื่องได้ง่ายๆ ตัวละครสำคัญอย่าง Connor, Boone หรือ Rianna ก็ไม่มีจุดเด่นอะไรให้น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากที่ Boone ถูกแขวนศพอย่างโหดของ Boone ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นตกใจหรือรู้สึกเศร้าไปด้วยเลย
Graphics & Design
ผมขอรวมเอาการออกแบบในด้านต่างๆ มารวมกับด้านกราฟฟิคเลยก็แล้วกัน Homefront ดูเหมือนจะมีจุดด้อยที่โดนนักเล่นเกมทั่วโลกตำหนินั่นก็คือเรื่องของกราฟฟิคที่หลายคนบ่นว่ามันล้าหลังเหลือเกิน พื้นผิวนั่นดูหยาบๆ ไม่ละเอียดพอ แสงเงาดูไม่มีชีวิตชีวามากเท่าที่ควร แสง flare ที่เกิดขึ้นในเกมก็เหมือนจะเป็น flare ที่เกิดจากกล้องมากกว่าสายตาของคน บางทีก็ดูสวยงามสมจริง แต่บางครั้งก็รำคาญในยามที่กำลังสู้รบกับศัตรูจำนวนมาก นอกจากนั้นการออกแบบท่าทางของตัวละคร รูปแบบการสู้รบทางทหารก็ดูไม่สมจริงอย่างที่ควรจะเป็น และข้อด้อยที่สำคัญอีกอย่างนั่นคือระบบฟีสิกส์ที่แทบจะไม่มีอะไรเลย เวลาที่นึกอยากจะทำลายสิ่งแวดล้อมรอบข้างก็หาแทบจะไม่เจอว่าอะไรที่ทำลายได้บ้าง ทุกอย่างดูแข็งทื่อไปหมดจริง
Sound
เรื่องเสียงในเกมก็โดนไม่ใช่น้อย บางครั้งแหล่งกำเนิดเสียงนั้นอยู่ไกลจากผู้เล่น แต่เราก็สามารถได้ยินชัดแจ๋วเหมือนอยู่ข้าง เสียงปืน ระเบิด ก็ดูเหมือนเป็นของเล่น ไม่กระหึ่มและตูมตามเหมือนอยู่ในสงครามเลย ซึ่งระบบเสียงของเกมในยุคนี้นั้นควรที่จะก้าวข้ามขั้นไปได้มากกว่าที่ BF:BC2 ทำไว้ได้แล้ว แต่เสียงและเพลงประกอบใน Homefront นั้นก้าวถอยหลังไปหลายปี และยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องดูด้อยลงไปมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว แม้ว่าผู้เขียนจะใช้หูฟังที่คุณภาพไม่สูงมากนัก แต่ก็รู้สึกดีกับระบบเสียงของ BF:BC2 มากกว่า Homefront เยอะ
Multiplayer
ดูเหมือนว่าทีมงานของ Homefront นั้นจะตั้งใจทำเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ชอบเล่นในระบบ Multiplayer เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้เอาใจใส่กับโหมด singleplayer เลย ในขณะที่โหมดเล่นคนเดียวสามารถเล่นให้จบได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงแค่นั้น แต่นักเล่นเกมหลายคนก็ดูจะปันใจจากโหมดเล่นหลายคนของ Call of Duty มาให้ Homefront ไม่น้อย แม้ว่าโหมดที่มีให้เล่นนั้นมีเพียงไม่กี่โหมด แต่อาวุธยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะที่มีมากมาย ก็ทำให้ระบบเล่นหลายคนของ Homefront กลายเป็นคะแนนด้านบวกได้
สรุป
โดยรวมแล้ว Homefront นั้นทะเยอทะยานมากเกินไปในการสร้างโมเมนต์ที่ดูน่าจดจำให้เหมือนกับ Call of Duty, การปูทางของเนื้อเรื่องที่ต้องการจะสร้างภาคต่อ แต่ไม่มีอะไรให้น่าติดตามอีกต่อไป ฉากจบที่ดูห้วนๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีข้อดีเพียงไม่กี่อย่าง ที่พอจะจำได้แม่นก็คือระบบ Multiplayer นั่นเอง
credit http://www.noob.in.th
ป.ล.ผมโหลด patch มา4-5ตัวยังเล่นไม่ได้เลย ทั้งเสียงมีปัญหา ปืนไม่ตกจากศพ เครียดกว่าจะได้เล่น
พึ่งทำน้ามีไรบอกกันดีๆก้ได้
อยากได้[Review]เกมไหนก้บอกกันเน้อ
Developer: Kaos Studio
Publisher: THQ
Genre: FPS/Shooter/Action
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องเริ่มต้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อคิม จอง อึน ขึ้นปกครองเกาหลีเหนือ และได้สร้างสัมพันธ์กับเกาหลีใต้จนรวมกันกลายเป็นสหพันธรัฐเกาหลีอันยิ่งใหญ่ ประกอบกับสภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างถึงที่สุดของสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศอ่อนแอในทุกๆ ด้าน ประชาชนเริ่มก่อจลาจลและศักยภาพทางทหารได้ถดถอยลงไป และในปีค.ศ.2025 เกาหลีได้ส่งกระสวยอวกาศที่อ้างว่าจะนำสันติภาพมาสู่คนทั้งโลก แต่กลับกลายเป็นการยิง EMP เข้าใส่สหรัฐอเมริกาจนทำให้ไฟดับทั้งหมด จนกลายเป็นเป้านิ่งให้ KPA หรือกองทัพสหพันธรัฐเกาหลียกทัพมาบุกยึดในหลายพื้นที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นอดีตนักบินนาวิกโยธิน Robert Jacobs ที่เข้าร่วมขบวนการต่อต้านเกาหลีหรือ The Resistance ที่รวมตัวกันอย่างลับๆ เพื่อต่อสู้และทวงคืนพื้นที่ที่พวกเค้าเรียกว่า “บ้าน” ซึ่งถูกเกาหลียึดไว้ พร้อมทั้งช่วยเหลือประชาชนชาติเดียวกันที่ถูกเข่นฆ่าอย่างโหด Jacobs และพรรคพวกจึงต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลืออยู่เพื่อนำอิสรภาพกลับมาสู่ผืนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาให้ได้
ฉากทั้งหมดในเกมจะเกิดขึ้นในเมืองฝั่งตะวันตกของอเมริกา และสถานที่ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะต้องต่อสู้กับกองทัพเกาหลีก็คือในสวนหลังบ้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ต สนามเบสบอล ฯลฯ ซึ่งก็นับว่าเป็นการฉีกแนวเดิมๆ ที่เกม FPS สงครามส่วนใหญ่มักจะใช้สถานที่จำเจในการสร้างฉากต่อสู้ นี่คือจุดเด่นข้อหนึ่งของ Homefront ที่ทำให้ชาวอเมริกันหลายคนอยากเล่นเกมนี้ เพราะพวกเขาอยากต่อสู้กองทัพที่มารุกรานหลังบ้านของพวกเขาเอง ฉากบางฉากก็เป็นที่น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ต่อสู้กันบนสะพานโกลเด้นเกทก็ดูสวยงามมากๆ แต่การออกแบบฉากที่ดูจะมีอะไรให้ทำมากมายแบบนี้นั้นขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับแคมเปญจน์ที่มีเพียงเจ็ดฉากเท่านั้น
เมื่อมองมาที่รายละเอียดของเนื้อเรื่อง หลายคนก็มองว่ามันซ้ำซากจำเจเหมือนกับหลายๆ เกมที่ผ่านมา เพียงแต่อาจเปลี่ยนจากรัสเซียที่เสื่อมอำนาจลงมาเป็นเกาหลีที่เพิ่มอำนาจขึ้นเรื่อยๆ บทสนทนาของตัวละครไม่มีอะไรที่น่าจดจำมากเท่าไหร่ การให้เสียงพากษ์ก็ดูไร้อารมณ์ร่วมและขาดๆ เกินๆ ในบางตอน เกมพยายามสร้างจุดไคลแมกซ์ให้ผู้เล่นตื่นเต้นเช่นเดียวกับ Modern Warfare ที่เคยประสบความสำเร็จในด้านนี้ แต่ Homefront ทำออกมาได้อย่างน่าผิดหวัง ผู้เล่นสามารถเดาเนื้อเรื่องได้ง่ายๆ ตัวละครสำคัญอย่าง Connor, Boone หรือ Rianna ก็ไม่มีจุดเด่นอะไรให้น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากที่ Boone ถูกแขวนศพอย่างโหดของ Boone ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นตกใจหรือรู้สึกเศร้าไปด้วยเลย
Graphics & Design
ผมขอรวมเอาการออกแบบในด้านต่างๆ มารวมกับด้านกราฟฟิคเลยก็แล้วกัน Homefront ดูเหมือนจะมีจุดด้อยที่โดนนักเล่นเกมทั่วโลกตำหนินั่นก็คือเรื่องของกราฟฟิคที่หลายคนบ่นว่ามันล้าหลังเหลือเกิน พื้นผิวนั่นดูหยาบๆ ไม่ละเอียดพอ แสงเงาดูไม่มีชีวิตชีวามากเท่าที่ควร แสง flare ที่เกิดขึ้นในเกมก็เหมือนจะเป็น flare ที่เกิดจากกล้องมากกว่าสายตาของคน บางทีก็ดูสวยงามสมจริง แต่บางครั้งก็รำคาญในยามที่กำลังสู้รบกับศัตรูจำนวนมาก นอกจากนั้นการออกแบบท่าทางของตัวละคร รูปแบบการสู้รบทางทหารก็ดูไม่สมจริงอย่างที่ควรจะเป็น และข้อด้อยที่สำคัญอีกอย่างนั่นคือระบบฟีสิกส์ที่แทบจะไม่มีอะไรเลย เวลาที่นึกอยากจะทำลายสิ่งแวดล้อมรอบข้างก็หาแทบจะไม่เจอว่าอะไรที่ทำลายได้บ้าง ทุกอย่างดูแข็งทื่อไปหมดจริง
Sound
เรื่องเสียงในเกมก็โดนไม่ใช่น้อย บางครั้งแหล่งกำเนิดเสียงนั้นอยู่ไกลจากผู้เล่น แต่เราก็สามารถได้ยินชัดแจ๋วเหมือนอยู่ข้าง เสียงปืน ระเบิด ก็ดูเหมือนเป็นของเล่น ไม่กระหึ่มและตูมตามเหมือนอยู่ในสงครามเลย ซึ่งระบบเสียงของเกมในยุคนี้นั้นควรที่จะก้าวข้ามขั้นไปได้มากกว่าที่ BF:BC2 ทำไว้ได้แล้ว แต่เสียงและเพลงประกอบใน Homefront นั้นก้าวถอยหลังไปหลายปี และยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องดูด้อยลงไปมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว แม้ว่าผู้เขียนจะใช้หูฟังที่คุณภาพไม่สูงมากนัก แต่ก็รู้สึกดีกับระบบเสียงของ BF:BC2 มากกว่า Homefront เยอะ
Multiplayer
ดูเหมือนว่าทีมงานของ Homefront นั้นจะตั้งใจทำเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ชอบเล่นในระบบ Multiplayer เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้เอาใจใส่กับโหมด singleplayer เลย ในขณะที่โหมดเล่นคนเดียวสามารถเล่นให้จบได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงแค่นั้น แต่นักเล่นเกมหลายคนก็ดูจะปันใจจากโหมดเล่นหลายคนของ Call of Duty มาให้ Homefront ไม่น้อย แม้ว่าโหมดที่มีให้เล่นนั้นมีเพียงไม่กี่โหมด แต่อาวุธยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะที่มีมากมาย ก็ทำให้ระบบเล่นหลายคนของ Homefront กลายเป็นคะแนนด้านบวกได้
สรุป
โดยรวมแล้ว Homefront นั้นทะเยอทะยานมากเกินไปในการสร้างโมเมนต์ที่ดูน่าจดจำให้เหมือนกับ Call of Duty, การปูทางของเนื้อเรื่องที่ต้องการจะสร้างภาคต่อ แต่ไม่มีอะไรให้น่าติดตามอีกต่อไป ฉากจบที่ดูห้วนๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีข้อดีเพียงไม่กี่อย่าง ที่พอจะจำได้แม่นก็คือระบบ Multiplayer นั่นเอง
credit http://www.noob.in.th
ป.ล.ผมโหลด patch มา4-5ตัวยังเล่นไม่ได้เลย ทั้งเสียงมีปัญหา ปืนไม่ตกจากศพ เครียดกว่าจะได้เล่น
พึ่งทำน้ามีไรบอกกันดีๆก้ได้
อยากได้[Review]เกมไหนก้บอกกันเน้อ
แก้ไขล่าสุดโดย anusith เมื่อ Fri Apr 08, 2011 5:49 pm, ทั้งหมด 4 ครั้ง
anusith- Member
- จำนวนข้อความ : 58
Join date : 06/04/2011
Age : 26
Character
Name: nice
ยศ:
EXP:
(0/0)
Re: [Review]Home front สงครามสีเลือดทหารเดือดกู้ชาติ
ไนซ์ ช่วยทำสีกับขยาย ตรงหัวข้อหน่อยสิ แบบ
Sound
เรื่องเสียงในเกมก็โดนไม่ใช่น้อย บางครั้งแหล่งกำเนิดเสียงนั้นอยู่ไกลจากผู้เล่น แต่เราก็สามารถได้ยินชัดแจ๋วเหมือนอยู่ข้าง เสียงปืน ระเบิด ก็ดูเหมือนเป็นของเล่น ไม่กระหึ่มและตูมตามเหมือนอยู่ในสงครามเลย ซึ่งระบบเสียงของเกมในยุคนี้นั้นควรที่จะก้าวข้ามขั้นไปได้มากกว่าที่ BF:BC2 ทำไว้ได้แล้ว แต่เสียงและเพลงประกอบใน Homefront นั้นก้าวถอยหลังไปหลายปี และยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องดูด้อยลงไปมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว แม้ว่าผู้เขียนจะใช้หูฟังที่คุณภาพไม่สูงมากนัก แต่ก็รู้สึกดีกับระบบเสียงของ BF:BC2 มากกว่า Homefront เยอะ
ส่วน ปล นี่จริงเล่นเองช้ะ
++ อยากให้ทำ review แบบ เล่นเอง รีวิว เนื้อหาแบบตัวเอง อะ *-* 5555555 มันจะกันเองมากกว่า
Sound
เรื่องเสียงในเกมก็โดนไม่ใช่น้อย บางครั้งแหล่งกำเนิดเสียงนั้นอยู่ไกลจากผู้เล่น แต่เราก็สามารถได้ยินชัดแจ๋วเหมือนอยู่ข้าง เสียงปืน ระเบิด ก็ดูเหมือนเป็นของเล่น ไม่กระหึ่มและตูมตามเหมือนอยู่ในสงครามเลย ซึ่งระบบเสียงของเกมในยุคนี้นั้นควรที่จะก้าวข้ามขั้นไปได้มากกว่าที่ BF:BC2 ทำไว้ได้แล้ว แต่เสียงและเพลงประกอบใน Homefront นั้นก้าวถอยหลังไปหลายปี และยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องดูด้อยลงไปมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว แม้ว่าผู้เขียนจะใช้หูฟังที่คุณภาพไม่สูงมากนัก แต่ก็รู้สึกดีกับระบบเสียงของ BF:BC2 มากกว่า Homefront เยอะ
ส่วน ปล นี่จริงเล่นเองช้ะ
++ อยากให้ทำ review แบบ เล่นเอง รีวิว เนื้อหาแบบตัวเอง อะ *-* 5555555 มันจะกันเองมากกว่า
Re: [Review]Home front สงครามสีเลือดทหารเดือดกู้ชาติ
อ่อโทดที ป.ล.นี่เล่นเอง เสียความรู้สึก
แก้ไขล่าสุดโดย anusith เมื่อ Fri Apr 08, 2011 5:44 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
anusith- Member
- จำนวนข้อความ : 58
Join date : 06/04/2011
Age : 26
Character
Name: nice
ยศ:
EXP:
(0/0)
Re: [Review]Home front สงครามสีเลือดทหารเดือดกู้ชาติ
เผอิญเล่นไปเกือบครึ่งช.ม.แล้วลบเลยอะ มันเอ่อ.... ก้รู้นะตาเฟิส' พิมพ์ว่า:ไนซ์ ช่วยทำสีกับขยาย ตรงหัวข้อหน่อยสิ แบบ
Sound
เรื่องเสียงในเกมก็โดนไม่ใช่น้อย บางครั้งแหล่งกำเนิดเสียงนั้นอยู่ไกลจากผู้เล่น แต่เราก็สามารถได้ยินชัดแจ๋วเหมือนอยู่ข้าง เสียงปืน ระเบิด ก็ดูเหมือนเป็นของเล่น ไม่กระหึ่มและตูมตามเหมือนอยู่ในสงครามเลย ซึ่งระบบเสียงของเกมในยุคนี้นั้นควรที่จะก้าวข้ามขั้นไปได้มากกว่าที่ BF:BC2 ทำไว้ได้แล้ว แต่เสียงและเพลงประกอบใน Homefront นั้นก้าวถอยหลังไปหลายปี และยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องดูด้อยลงไปมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว แม้ว่าผู้เขียนจะใช้หูฟังที่คุณภาพไม่สูงมากนัก แต่ก็รู้สึกดีกับระบบเสียงของ BF:BC2 มากกว่า Homefront เยอะ
ส่วน ปล นี่จริงเล่นเองช้ะ
++ อยากให้ทำ review แบบ เล่นเอง รีวิว เนื้อหาแบบตัวเอง อะ *-* 5555555 มันจะกันเองมากกว่า
anusith- Member
- จำนวนข้อความ : 58
Join date : 06/04/2011
Age : 26
Character
Name: nice
ยศ:
EXP:
(0/0)
anusith- Member
- จำนวนข้อความ : 58
Join date : 06/04/2011
Age : 26
Character
Name: nice
ยศ:
EXP:
(0/0)
Re: [Review]Home front สงครามสีเลือดทหารเดือดกู้ชาติ
พี่ในบอร์ดบอก เราเลยไม่ซื้อไง
เทรลเลอร์ แม่งอย่างกะหนัง
เทรลเลอร์ แม่งอย่างกะหนัง
Re: [Review]Home front สงครามสีเลือดทหารเดือดกู้ชาติ
นายกของเกาหลีหล่ออะตาเฟิส' พิมพ์ว่า:พี่ในบอร์ดบอก เราเลยไม่ซื้อไง
เทรลเลอร์ แม่งอย่างกะหนัง
ตอนดูเทรลเลอแม่งเสียงแม่งโคดอารมณ์เสียเลย
anusith- Member
- จำนวนข้อความ : 58
Join date : 06/04/2011
Age : 26
Character
Name: nice
ยศ:
EXP:
(0/0)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|